ทำเลดีดอตคอม

บทความเกี่ยวกับบ้าน => เกร็ดความรู้เรื่องบ้าน => Topic started by: poohbaza on 15 มีนาคม 2012, 10:07

Title: มีเว็บไหนหาห้องเช่า บ้านเช่าได้บ้าง รวมถึงอยากค้นหาบ้านเช่า ห้องเช่า ราคาถูก
Post by: poohbaza on 15 มีนาคม 2012, 10:07
หากคุณไม่อยากเมื่อยขา ไม่อยากเจอแดดร้อน ไม่อยากเสียเวลาไปหาห้องเช่าแบบสุ่มๆ เพราไม่มีการเตรียมความพร้อมมาก่อน นับแต่นี้คุณไม่ต้องกังวลไปสุ่มตามหาห้องเช่า บ้านเช่า กันแล้ว เพราะ หากคุณมีอินเตอร์เน็ต คุณสามารถเปิดเว็บไซต์ เพื่อหาห้องเช่าราคาถูกได้อย่างสะดวก แต่ตอนนี้มีเว็บไหนหาห้องเช่า หรือ บ้านเช่าได้บ้าง รวมถึงอยากค้นหาบ้านเช่าราคาถูก และ ห้องเช่าราคาถูกเมืองไทย วันนี้เราจะมาแนะนำคุณกันเลยค่ะ

(http://www.apartment-bkk.com/upload/apartment_bkk_1283925278_1.jpg)

เราได้คัดสรรเว็บไซต์ที่สามารถให้คุณหาห้องเช่า บ้านเช่า ได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญราคาถูกอีกด้วย ได้แก่ http://www.hahor.com/ หรือ http://www.thairoomonline.com/ หรือ http://www.apartment-bkk.com/ และหากคุณต้องการมากกว่านี้ คุณลองเข้าไปเขียนคีย์เวิดที่ต้องการใน google ได้เลยค่ะ เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องจะขึ้นมาทันที

นอกจากนี้เรายังมีเทนนิคการเลือกที่พักมาฝากอีกด้วย เพราะเราก็ไม่ได้เปลี่ยนที่พักบ่อยๆ และเปลี่ยนที่พักได้ง่ายๆ เหมือนเปลี่ยนกางเกงลิง หากเราเลือกที่พักได้ไม่ถูกใจ จะเปลี่ยนที่พักทีก็เสียทั้งเวลา และเสียเงินทอง เพราะฉะนั้นจะเลือกที่พักทั้งที เลือกให้ดีไปเลยจะดีกว่า แล้วที่พักที่ถูกใจเราควรจะเป็นยังไงน้า มาดูกันเลย

1.เรื่องความใกล้ไกลระหว่างถนนสายหลักกับที่พัก ควรจะสามารถเดินจากถนนสายหลักเข้าไปได้ เพราะหากที่พักอยู่ห่างจากถนนสายหลักมาก ก็ต้องเสียเงินนั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้าง ซึ่งอย่างต่ำๆ ก็ 10 บาท หากขึ้นทุกวันเข้าออกวันละรอบก็พอ เฉพาะค่ารถมอเตอร์ไซต์เดือนนึง 600 บาทแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นการนั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างเชื่อว่าหลายๆ คนก็คงมีประสบการณ์อันลืมไม่ลงกับมอเตอร์ไซต์รับจ้างมากันบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นเลี่ยงได้ควรเลี่ยงสำหรับที่พักที่จำเป็นต้องนั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างเข้าไปอย่างเดียว

2.ความปลอดภัย ที่พักบางแห่งมียามรักษาความปลอดภัย แต่ก็ปลอดภัยเฉพาะในบริเวณนั้นๆ เท่านั้น พอเดินออกพ้นที่พักออกมา 50 เมตร หากโชคดีอาจเจอแค่ผีหลอก หากโชคร้ายเจอโจรผู้ร้ายจะทำอย่างไร ยามรักษาความปลอดภัยที่หลับอยู่เค้าคงไม่ออกมาช่วยคุณแน่ๆ เฉพาะฉะนั้นที่พักที่อยู่ในซอยลึก เปลี่ยวๆ ก็ควรเลี่ยง

3.น้ำท่วม กรุงเทพฯหลายๆ พื้นที่ พอฝนตกหนักเมื่อไหร่น้ำท่วมเมื่อนั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดามาก เพราะฉะนั้นก่อนเช่าควรจะถามจากคนในละแวกนั้นด้วยว่า แถวนี้พอฝนตกหนักแล้วน้ำท่วมหรือไม่ ถ้าคนแถวนั้นบอกว่าไม่ท่วมหรอก แต่น้ำขังเลย ก็ไปหาที่พักที่อื่นได้เลยครับ เพราะหลายๆพื้นที่นอกจากน้ำท่วมแล้ว กว่าน้ำจะลดก็ต้องรอไปอีกหลายวันที่เรียกว่าน้ำขังนั่นเอง เชื่อว่าหลายคนคงไม่อยากถกขากางเกงหิ้วรองเท้า ลุยน้ำเน่ามาใส่รองเท้าหน้าปากซอยแน่ๆ

4.ตำแหน่งของห้อง อย่าเลือกห้องพักที่อยู่ใช้บนสุด ตอนกลางวันนั้นท่านอาจจะร้อนตับแตกได้ เพราะความร้อนจะแพร่ผ่านดาดฟ้าลงมาสู่ห้องโดยตรง ทำให้ห้องนั้นร้อนเป็นพิเศษ นอกจากนั้นยังต้องเดินขึ้นลงบันไดจนเมื่อยแน่ๆ หากที่พักนั้นๆ ไม่มีลิฟต์ ห้องที่มีระเบียง/หน้าต่าง หันออกไปทางทิศใต้โดยตรงก็ไม่ควรเลือก เพราะประเทศไทยนั้นอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรมา 13 องศา นั่นหมายความห้องที่มีระเบียง/หน้าต่างหันออกไปทางทิศใต้ตรงๆ ห้องของท่านจะได้รับความร้อนจากแสงแดดตั้งแต่เช้ายันเย็น ทำให้ห้องร้อนเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน  ถ้าท่านอยู่ห้องที่หันไปทางทิศใต้ตรงๆ และอยู่ชั้นบนสุด ท่านก็จะได้ห้องซาวน์น่าในฝัน 1 ห้องโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากเจ้าของที่พักแต่อย่างใด เหมาะสำหรับผู้รักสุขภาพอย่างยิ่ง
  
5.ร้านค้า ร้านอาหาร ควรจะมีอยู่ใกล้ในละแวกนั้นๆ สามารถเดินไปได้ ร้อยวันพันปีคนเรามันต้องมีป่วยไม่สบายกันบ้าง หากวันใดที่ท่านไม่สบายแล้วยังต้องถ่อสังขารออกไปหน้าปากซอยอีก 400 เมตร เพื่อซื้อข้าวปลาอาหารหรือหยูกยา ระยะทางแค่ 400 เมตรอาจจะรู้สึกเหมือน 4,000 เมตรได้ คงดีกว่าแน่ๆ หากมีร้านค้าร้านอาหารใกล้ๆ กับที่ที่เราพักอาศัยอยู่

6.บันทึกเบอร์โทรศัพท์ของสถานีตำรวจในเขตนั้นๆ ในกระเป๋าสตางค์และในโทรศัพท์มือถือไว้ เพราะเบอร์ 191 ของประเทศไทยนั้นมักจะโทรไม่ติดตอนมีเหตุฉุกเฉินเสมอ หรือจะโทรไปที่ จส.100 ก็ได้ จะมีเจ้าหน้าที่คอยส่งต่อข้อความของคุณไปที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกที

7.สัญญาเช่า ควรอ่านดูให้ละเอียดทุกตัวอักษร โดยเฉพาะที่เขียนไว้ว่าหากเลิกเช่าก่อน 6 เดือนหรือ 1 ปี ทำผิดสัญญาจะไม่ได้เงินมัดจำคืน การกระทำอะไรที่จะถือว่าผิดสัญญาได้ต้องอ่านและทำความเข้าใจให้ดี และตรงบริเวณที่เขียนไว้ว่า ตอนคืนเงินมัดจำจะมีการหักค่าต่างๆ หากห้องมีความเสียหาย เช่น รอยตะปู รอยจากสติ๊กเกอร์ต่างๆ รอยขีดข่วนบนเฟอร์นิเจอร์เป็นต้น ซึ่งก็โดนหักกันทุกคน โดนมากโดนน้อยแล้วแต่เจ้าของหอจะกรุณา อย่าหวังว่าจะได้เงินมัดจำคืนเต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องทำใจ และก่อนเซ็นสัญญาควรตรวจดูร่องรอยเสียหายของห้องที่มีอยู่ก่อนแล้ว แล้วเขียนลงไปในสัญญาเช่าด้วยว่า ตรงนี้ ตรงนั้นมีรอยตะปู ตู้เสื้อผ้ามีรอยร้าวอยู่ก่อนแล้วเป็นต้น เพราะตอนย้ายออกมีปัญหาโดนหักเงินส่วนนี้แน่ๆ ถึงแม้ว่าแม่บ้านที่พาเราดูห้องจะใจดีแค่ไหนก็ตามอย่าประมาท ตอนที่เราย้ายออกคนหักเงินมัดจำเราอาจไม่ใช่แม่บ้านที่ใจดีคนเดิม อาจเป็นแม่บ้านคนใหม่ หรือว่าพนักงานคนละคนกันได้ คลื่นโทรศัพท์มือถือ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ อพาร์ทเมนท์บางที่อยู่ใจกลางกรุง พอเข้าไปในห้องปุ๊บ คลื่นโทรศัพท์มือถือหายไปทันที ทำให้คนโทรมาหาเราจะโทรไม่ติด เพราะฉะนั้นตอนดูห้องต้อง เอาโทรศัพท์มือไปดูด้วยว่ามีคลื่นรึเปล่า ถ้าไม่มีควรเลือกห้องอื่นที่มีคลื่นโทรศัพท์

ท้ายสุด สุดท้าย อย่าลืมถามคนที่อยู่ที่พักนั้นๆ ว่าเป็นยังไงบ้าง มีอะไรดีไม่ดีอย่างไรบ้าง เพราะคนที่อยู่ที่พักนั้นอยู่แล้วย่อมรู้ดีที่สุด ว่าที่พักนั้นๆ เป็นอย่างไร